วันแรก ล่องแก่งที่แม่น้ำอายุง โดย Red Paddles คุณจะพบกับแม่น้ำใสสะอาด น้ำตกที่ซ่อนตัวอยู่ และป่าเขตร้อนที่ล้อมรอบแม่น้ำอายุง (Ayung River) ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของบาหลีในการหล่อเลี้ยงชาวบาหลี สนุกมากครับแบบว่าใครชอบลุย แต่เดินไกลและทางเดินชันหน่อย ไม่น่าเหมาะกับคนแก่นะ

พอตกช่วงบ่ายเราก็ไปรอชมอาทิตย์อัสดงที่วัดอูลูวาตู พร้อมชมระบำไฟเคชัก (Uluwatu)(Kecak) ซึ่งวัดอูลูวาตู เป็นวัดที่มีชื่อเสียงและใครมาบาหลีต้องมากันอย่างแน่นอนตั้งอยู่บนไหล่ภูเขาที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลที่สวยงามของเกาะบาหลีแห่งนี้เลยทีเดียว โดยจะอยู่ทางใต้สุดของเกาะบาหลี โดยวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพแห่งท้องทะเลตามความเชื่อของชาวอินโดนีเซียนั่นเอง ส่วนการเต้นระบำไฟเคชัก การแสดงที่จำลองการต่อสู้จากมหากาพย์ฮินดู รามายณะ (รามเกียรติ์) เล่าเรื่องราวของพระรามกับพลวานรที่ตามไปช่วยนางสีดาจากราวันนา (หรือทศกัณฐ์) มีหลายตอนครับจะมีอยู่ในโบว์ชัวร์ที่เขาให้มา

วันวันที่ 2 เราแวะไปร้านกาแฟก่อน วึ่งเป็นสิ่งที่คนขับรถแนะนำมาว่าต้องมา เพราะกาแฟชะมดมันดีจริง แต่เอาเข้าจริงเราก็รู้แหละว่าเขาขายของ หลังจากนั้นเราก็ได้ อาโลฮา อูบุด (Aloha Ubud) ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายภาพสวิงหรือการโล้วชิงช้าในหลายรูปแบบ ที่เห็นตามอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการถ่ายภาพ แต่ราคาแอบแพงหน่อย รับได้ก็เอาเลยครับ ปล. เข้าไม่ให้ใช้กล้องวีดีโอหรือแอคชั่นแคมถ่ายนะครับ

ช่วงบ่ายเราไปทานข้าวชมวิวภูเขาไฟกุนุงบาตูร์ Gunung Batur ที่หมู่บ้านคินตามณี (Kintamani) คือชื่อหมู่บ้านที่สวยงาม ได้ชื่อมาจากเมืองโบราณแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ริมปากปล่องภูเขาไฟกุนุง บาตูร์ มีทะเลสาบบาตูร์ และภูเขาไฟกุนุงบาตูร์ เป็นฉาก เป็นจุดชมวิวที่สวยงามแห่งหนึ่งของบาหลี

ช่วงเย็นเราได้ไปพระราชวังอูบุด (Puri Saren Ubud / Ubud Palace) เป็นพระราชวังหลวงของเจ้าเมืองอูบุด ที่ประกอบไปด้วยบ้านแบบพื้นเมืองบาหลีหลายหลังในบริเวณพื้นที่เดียวกัน โดยอยู่กลางเมืองอุบุด ตรงข้ามกับตลาดงานศิลป์ Ubud ก็เลยได้แวะทั้งตลาดด้วยแต่สินค้าที่นี่ ต่อราคาเลยนะ ครึ่งๆ มันตั้งราคาโอเวอร์อยู่แล้วที่นี่ จำไว้เลย เมื่อเสร็จจากการซื้อของก็กลับเข้าที่พักเป็นอันเสร็จไปอีก 1 วัน พรุ่งนี้ต้องเที่ยวต่อ ไว้มาเล่าในส่วนต่อไปนะครับ